ความล้มเหลวของมูลนิธิ: เมื่อการกระจายอำนาจเป็นเพียงภาพลวงตา

หลังจาก Ethereum Foundation สร้างต้นแบบเมื่อ 11 ปีที่ผ่านมา โครงการบล็อกเชนเกือบทุกแห่งต่างนำรูปแบบมูลนิธิไปใช้โดยไม่เข้าใจแก่นแท้ ผลลัพธ์วันนี้? องค์กรเหล่านี้กลายเป็นเหมือนผู้จัดการระดับกลางในสตาร์ทอัพ - มีค่าใช้จ่ายสูง, เชื่องช้า และขาดความรับผิดชอบ

กรณีศึกษาความเสื่อมถอย

ข้อมูลไม่โกหก:

• Arbitrum Foundation จัดสรร ARB 750 ล้านเหรียญโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก DAO (ต่อมายอมรับว่าเกิดจาก ‘ช่องว่างการสื่อสาร’)
• คลัง Kujira เกิดปัญหาการใช้เลเวอเรจจนเหมือนเรื่องราวใน WallStreetBets
• Tezos ใช้งบประมาณด้านคดีความมากกว่าการพัฒนาระบบต่อเนื่อง 18 เดือน

จากการวิเคราะห์โทเค็นกว่า 20 รายการ พบความจริงอันน่าตกใจ: โครงการที่มีมูลนิธิทำผลงานต่ำกว่าตลาดถึง 37% ในปีนี้

อุตสาหกรรมที่ปรึกษา

มีกลุ่ม ‘ที่ปรึกษาการกำกับดูแลบล็อกเชน’ ใหม่เกิดขึ้น คิดค่าบริการ $500/ชม. เพื่อช่วยโครงการ:

1. ตั้งมูลนิธิในสวิตเซอร์แลนด์/ซุก (พร้อมกฎเกณฑ์ภาษาเยอรมันที่ไม่มีใครอ่าน)
2. จ้างเพื่อนทนายความเป็น ‘กรรมการอิสระ’
3. สร้างกระบวนการจัดสรรเงินทุนที่ซับซ้อนจนข้อเสนอต่างๆ ตายในคณะกรรมการ

ผลลัพธ์? ผู้ก่อตั้งท่านหนึ่งบอกกับฉันว่า: “เราใช้เงินถึง 40% ของทุนดำเนินการไปกับกระบวนการตามกฎหมายของมูลนิธิ แทนที่จะจ้างวิศวกร”

ทางออกในอนาคต

มีทางเลือกอยู่ 3 แบบ:

1. เปลี่ยนเป็นรูปแบบบริษัท (ดูตัวอย่าง Solana Labs ที่รวมหน้าที่มูลนิธิเข้าไว้ด้วย)
2. ใช้เฉพาะ DAO ด้วยระบบสัญญาอัจฉริยะเพื่อความโปร่งใส
3. มูลนิธิรุ่นใหม่ - ขนาดเล็กกว่า, มีวาระจำกัด, พร้อมเงื่อนไขเรียกคืนเงิน

ส่วนตัวแล้ว? ฉันเชื่อในทางเลือกแรก เพราะในยุค crypto winter การพัฒนาระบบสำคัญกว่าการประชุมไม่มีที่สิ้นสุด