ฮ่องกงก้าวสู่ Web3 ใหม่

การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่: เมื่อศูนย์กลางคริปโตของเอเชียเคลื่อนย้าย

มันเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ — เพียงประกาศนโยบายหนึ่งในบรรดาข่าวสารมากมาย แต่สำหรับคนที่เคยผ่านวิกฤตตลาดมาแล้ว การประกาศ Digital Asset Development Policy Declaration 2.0 ของฮ่องกงกลับรู้สึกเหมือนคำประกาศปฏิวัติ

ฉันจำได้ว่าตอนเช้าวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน ก่อนจะเห็นสิงคโปร์กำจัดบริษัทคริปโตไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ สัญญาณชัดเจน: “ไม่อยู่ที่นี่” จากนั้นมารอบถัดไป ฮ่องกงตอบโต้ด้วยการประกาศชัดเจน: เราไม่เพียงแค่ยอมรับดิจิทัลแอสเซ็ต… เราจะนำมันมาผสานเข้ากับระบบเศรษฐกิจ

และใช่เลย… ฉันพูดในฐานะคนที่เคยเสียเงินสามเดือนจากความผันผวนของ Ethereum เพียงครั้งเดียว การบาดแผลเหล่านี้ทำให้ฉันสงสัย… และพร้อมจะเปิดใจมากขึ้นครับ

LEAP: กรอบงานที่เหมือนแผนผัง

รัฐบาลไม่ได้อวดความหวังลอย ๆ โดยไม่มีหลักฐาน มีเพียงคำพูดเชิงปรัชญาเท่านั้น แต่มี LEAP: การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ; การขยายผลิตภัณฑ์โทเค็น; การพัฒนากรณีใช้งาน; การสร้างบุคลากรและเครือข่ายพันธมิตร

ฟังดูเหมือนเทคนิกการวางโครงสร้าง — ไม่ใช่งานเมือง

ในฐานะคนเรียนวิศวกรรมการเงินจากซานตาคลารา ผมเข้าใจแนวทางเหล่านี้ เพราะมันไม่ได้อยู่บนความหวือหวา มันคือการออกแบบระบบที่สามารถขยายขนาดได้อย่างปลอดภัย พวกเขาเห็นดิจิทัลแอสเซ็ตไม่ใช่อุปกรณ์เล่นสนุกเพื่อการลงทุนแบบหมุนเวียน… มันคือองค์ประกอบหลักของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน เช่น พันธบัตรหรือระบบชำระเงิน

ลดภาษี? ใช่—and มันเปลี่ยนโลก

ขอหยุดตรงจุดหนึ่ง: หากคุณเป็นเทรดเดอร์หรือนักลงทุนมองมาแล้วหัวใจเต้นแรง… สวัสดีครับ มาอยู่ในโลกเดียวกันแล้ว ฮ่องกงเสนอ การยกเว้นภาษีสำหรับ ETF และกองทุนอนุมูลทรัสต์แบบโทเค็น — สิ่งที่อาจปลดล็อกสภาพคล่องหลายพันล้านเหรียญภายในปี 2026 หากผ่านกฎหมาย ลองจินตนาการถึงการโอนพอร์ตเฟลียมผ่านบล็อกเชนมือถือโดยไม่มีภาษีธุรกรรม? สภาพแวดล้อมเดียวกับ ETF อื่น ๆ ในตลาด HKEX — และตอนนี้ขยายไปยังโลกดิจิตอลแล้ว

clearly, this isn’t symbolic. This is market architecture. เมื่อโครงสร้างภาษีเข้ากับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี? ก็ถึงเวลาของการยอมรับจริง ๆ

stablecoin เข้าร่วมระบบควบคุมอย่างจริงจัง – ในที่สุด

โลกรอคำชี้แจงเรื่อง stablecoin มาหลายปี และตอนนี้ฮ่องกงเสนออะไรบางอย่างที่หลายเขตอำนาจศาลกลัวจะทำ: ระบบทะเบียนใบอนุญาตก่อนเปิดให้มีผลในวันแรกของเดือนสิงหาคม 2025 หมายความว่า stablecoin จะหมดโอกาสทำงานแบบไร้ใบอนุญาตก็เพราะพวกเขาจำเป็นต้องได้รับอนุมัติก่อนจาก HKMA และ SFC แต่มุมกลับสำคัญมาก: โดยแทนที่จะกดไว้ให้มวลชนแห้งตาย อินโนเวชันจะได้อยู่ในสนามแข่งขันปลอดภัย (sandbox) เพียงโครงการตามกฎหมายเท่านั้นครอบคลุม เป้าหมาย? เปิดใช้งาน stablecoin เพื่อชำระเงินระหว่างประเทศและทำธุรกรรม — เปล่าเลยเพื่อเล่นกำไร เมื่อรัฐบาลเรียนรู้นำไปทดลอง (ใช่อยู่ในการทดสอบ) ก็แสดงให้เห็นแล้วนะครับ: มันไม่อืดอาดอีกแล้ว มันกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระดับโลกแล้ว

P.S.: หากเคยเห็น FTX พังจนทำลายชีวิตคนมากมาย… จะเข้าใจทำไมเรื่องความโปร่งใสถึงสำคัญมากกว่าแค่อารมณ์ขำขำใด ๆ > “เราอยากให้มหาเศรษฐีใหม่มากำเนิดตรงไหน … เราอยากให้นักสร้างสรรค์คนไหนสมควรอาศัยอยู่ตรง đây” – นายพลเชา (คำบรรยายตามสาระ)

RWA Tokenization ไม่ใช่วิกฤตแฟชั่นมายาวนาน – มันกลยุทธ์จริงๆ เมื่อมองเห็น ‘พันธบัตรภาคราฐแบบโทเค็น’ เป็นมาตรฐานปกติตามกฎหมายแทนแค่นโยบายทดลอง… ผมทราบแล้วนะครับ เราฝ่าฟืนประตูไปไกลเกินกว่าแนวโน้มธรรมดาแล้ว

ทรัสต์จริง (RWA) เช่น พืชน้ำไฟฟ้าพลังงานสะอาด, ก้อนทองคำ, อสังหาริกษา - เหล่านี้กำลังถูกแปลงสภาพกลายเป็นโทเค็นภายใต้อำนาจอํานวยความสะดวกของฮ่องกวง

มันไม่มากกว่าเกมเทคโนโลยี

แต่มูลค่าแท้จริงคือความสามารถในการแบ่งแยกเจาะรายละเอียดร่วมลงทุนครอบคลุมทรัสตน้ำหนักมากซึ่งเคยถูกจำกัดเฉพาะสถาบันใหญ่นอกเหนือจากรายย่อย

ฉลาดผมคิดถึงชาวออฟไลซ์ในอาเซียน คนทำงานหน่วยงานเอกชนหลายคนใฝ่ฝ่ายอยากลงคะแนนเสียงในโครงการพลังงานสะอาดภาคใต้อาเซียน…แต่มหาเศรษฐกรจำนวนมากทำไม?

ตอน này? เขาสามารถซื้อหัวหน่วยงานแสงอาทิตย์ในอินโดนีเซียโดยตรง via blockchain!

ความเท่าเทียมทางการเงินจากโค๊ดนี้—และการเปลี่ยนคราวใหญ่นี้—รู้สึกเหมือนประกายไฟแห่งปฏิกฤษฎฺ